สิว ถือเป็นปัญหากวนใจของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะเมื่อรักษาสิวหายแล้ว แต่ก็ดันมีปัญหารอยสิวให้หนักใจเพิ่มขึ้นไปอีก บางคนอาจลองรักษาด้วยตัวเองแล้ว แต่รอยสิวก็ไม่หายสักที ซึ่งอาจเกิดจากการรักษาสิวที่ไม่ตรงจุด รักษาสิวผิดวิธี หรือใช้วิถีชีวิตที่ไม่เหมาะสม จึงทำให้รอยสิวยังคงอยู่ ส่งผลต่อความเรียบเนียน ความสวยงามของใบหน้า และทำให้สูญเสียความมั่นใจในตนเองได้อีกด้วย

ใครที่กำลังมองหาวิธีลดรอยสิว คุณได้มาถูกที่แล้ว ในบทความนี้ อยากชวนมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับรอยสิวว่าคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร รอยสิวมีกี่แบบ มีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง หรือมีวิธีลดรอยสิวเร่งด่วนเพื่อทำให้ผิวเรียบเนียนกระจ่างใสได้หรือไม่

รอยสิว คืออะไร

รอยสิว คือ รอยแผลเป็นจากสิว เกิดจากหัวสิวที่อักเสบ บวมแดง มีลักษณะเป็นเม็ด หรือตุ่มนูนขึ้นมา ซึ่งอาจเป็นเม็ดเล็ก หรือใหญ่ก็ได้ บางครั้งอาจเป็นสิวหนอง หรือหากสิวมีการติดเชื้อ และอักเสบจนมีขนาดใหญ่จะเรียกว่า “สิวหัวช้าง” และเมื่อปล่อยไว้จนสิวเรื้อรังลึกถึงผิวชั้นใน เมื่อสิวหาย หรือหากมีการรักษาสิวที่ไม่ถูกวิธีก็อาจทำให้กลายเป็นหลุมสิว และเป็นรอยแผลจากสิวในที่สุด ทั้งหมดจึงเกิดเป็นที่มาของ “รอยสิว” นั่นเอง

ประเภทของรอยสิว

ประเภทของรอยสิวแบ่งออกตามความรุนแรง และสาเหตุของการเป็นสิวที่แตกต่างกัน โดยแบ่งได้ 2 ประเภทหลักๆ คือ รอยสิวประเภทรอยดำ และรอยสิวประเภทรอยแดง

รอยดำ

รอยดำ หรือ Post-Inflammatory Hyperpigmentation เกิดจากการอักเสบ หรือการระคายเคืองของผิว ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เมลาโนไซต์ (Melanocytes) ที่เป็นตัวผลิตเมลานินให้ผลิตออกมามากกว่าปกติ จนทำให้เกิดเป็นรอยดำ ซึ่งรอยดำสามารถเป็นได้ทั้งรอยสีดำ รอยสีน้ำตาล หรือสีเทา สิวประเภทรอยดำจะใช้เวลารักษานาน และยากกว่ารอยแดง เพราะเกิดจากการอักเสบของสิวบริเวณชั้นผิวหนังแท้ รวมไปถึงการรักษาสิวด้วยเลเซอร์ หรือการบำบัดด้วยแสงบางชนิดก็สามารถทำให้เกิดรอยดำขึ้นได้เช่นกัน

รอยแดง

รอยแดง หรือ Post-Inflammatory Erythema มักเกิดจากการอักเสบของผิวหนังบริเวณที่เป็นสิว ซึ่งรอยแดงจากสิว มีทั้งสีแดง สีชมพู หรือสีม่วง โดยสิวที่เกิดขึ้นมักมีสาเหตุจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมามากเกินไป ทำให้เกิดการอุดตันของน้ำมันในเซลล์ผิวที่ตายแล้วจนเกิดเป็นสิว รวมถึงเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้ผิวหนังอักเสบจนกลายเป็นสิวอักเสบร่วมด้วย จากนั้นร่างกายของเรามีกระบวนการฟื้นฟูตัวเองด้วยการลำเลียงเลือดไปยังผิวหนังที่อักเสบ เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เลยทำให้บริเวณสิวอักเสบเกิดการขยายตัวของหลอดเลือด จนทำให้ผิวกลายเป็นรอยแดงนั่นเอง

รอยสิวรักษาได้อย่างไรบ้าง

เมื่อสิวที่เกิดมีสาเหตุแตกต่างกัน รอยสิวที่เกิดขึ้นจึงต่างกัน ส่งผลให้การรักษารอยสิวมีความแตกต่างกันออกไปตามประเภทของรอยสิว เพื่อให้เหมาะสมกับผิวหน้า และความรุนแรงของรอยสิวด้วย โดยการรักษารอยสิวมีวิธีการดังต่อไปนี้

การสครับหน้า หรือมาร์กหน้าลดรอยสิว

การลดรอยสิวด้วยวิธีการสครับหน้าจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพออก และช่วยให้สีผิวมีความสม่ำเสมอ และมีความเรียบเนียนมากขึ้น แต่ต้องเลือกสูตรที่ไม่ทำร้ายผิว หรือกัดผิวมากจนเกินไป ให้เลือกส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว จะทำให้หน้าไม่แห้งหลังสครับผิวเสร็จ โดยส่วนผสมที่แนะนำ เช่น น้ำตาลทราย โยเกิร์ต น้ำมะนาว และการสครับผิวไม่ควรทำบ่อยจนเกินไป ควรสลับกับการมาร์กหน้าไปด้วย นอกจากนี้ ผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ หรือสิวหนอง ไม่ควรสครับผิวหน้า เพราะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวมากกว่าเดิม

การฉีดเมโสหน้าใส หรือวิตามินผิว

การฉีดเมโสหน้าใส เป็นการฉีดตัวยาที่มีวิตามินต่างๆ ที่ดีต่อผิว เข้าสู่ผิวชั้นกลางโดยตรง โดยตัวยาประกอบไปด้วยคอลลาเจน อิลาสติน กรดไฮยาลูโรนิค เนื้อเยื่อต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรง และความยืดหยุ่นกับผิว ซึ่งการฉีดเมโสจะมีประสิทธิภาพเต็มที่ และเห็นผลได้ไวกว่าการทาครีมอย่างเดียว เพราะเป็นนวัตกรรมที่มาช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว แม้ไม่ได้ช่วยลดรอยสิวได้อย่างเร่งด่วน แต่มีส่วนช่วยให้ผิวดูขาวกระจ่างใสมากขึ้น ช่วยลดการอักเสบ ขับสารพิษที่สะสม ทำให้ผิวแข็งแรง โดยจะเห็นผลใน 7-14 วัน นอกจากนี้ ในช่วงแรกของการดูแลรักษารอยสิวควรฉีดเมโสอย่างต่อเนื่อง พอเริ่มเห็นผลลัพธ์ค่อยเว้นระยะตามความเหมาะสม

การทรีตเมนต์ลดรอยสิว

การทำทรีตเมนต์สามารถช่วยฟื้นฟูให้ชุ่มชื้น และช่วยลดรอยสิวได้ นอกจากนี้ ยังทำให้ผิวหน้าใสไร้สิว ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ได้อีกด้วย โดยทาง Dr.Vii Aesthetic Clinic มีบริการทรีตเมนต์สำหรับลดรอยสิวที่เป็นตัวช่วยบำรุงผิวหน้าในบรรยากาศผ่อนคลาย ด้วยสูตรเฉพาะที่มีให้เลือกมากกว่า 9 คอร์ส

การฉีดฟิลเลอร์

การรักษารอยสิวด้วยการฉีดฟิลเลอร์ หรือการฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic Acid) สามารถช่วยให้รอยหลุมสิวดูตื้นขึ้นได้ โดยฟิลเลอร์มีลักษณะเป็นเจลเนื้อละเอียด ฉีดแล้วจะเบลนเข้าไปกับผิว ซึ่งการรักษารอยสิวด้วยฟิลเลอร์ต้องทำการตัดพังผืดที่คอยรั้งผิวหนังออกก่อน พอเลาะพังผืดออกแล้วจะเกิดช่องว่างที่ให้แพทย์ฉีดฟิลเลอร์เข้าบริเวณนั้นได้

การทำเลเซอร์ลดรอยสิว

การรักษารอยสิวด้วยการทำเลเซอร์ เป็นวิธีที่ใช้อุปกรณ์ยิงลำแสงเลเซอร์ไปบริเวณผิวหนังที่เป็นรอยสิว เพื่อกำจัดผิวหนังชั้นนอกทิ้งไป และกระตุ้นเซลล์ผิวใหม่ในผิวชั้นกลาง เพื่อให้ผิวเกิดความเรียบเนียนสม่ำเสมอ นอกจากนี้ ความแตกต่างกันของประเภทรอยสิว ทำให้การรักษารอยสิวด้วยเลเซอร์ อาจมีการเลือกใช้เลเซอร์ให้ตรงกับประเภทของรอยสิวด้วย

การใช้เลเซอร์รักษารอยดำ

รอยสิวประเภทนี้มักใช้เลเซอร์เม็ดสี จำพวก Q Switched ND YAG Laser หรือ Pico Second Laser จะช่วยลดรอยดำได้ดี เพราะเลเซอร์มีความเจาะจง และสามารถเข้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินได้ อีกทั้งยังช่วยรักษาฝ้า กระ และทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสเรียบเนียนอีกด้วย แต่หลังทำเลเซอร์รักษาสิว ผิวหน้าอาจมีการแห้งตกสะเก็ดได้

การใช้เลเซอร์รักษารอยแดง

รอยสิวประเภทนี้มักใช้เลเซอร์หลอดเลือดจำพวก V-Beam Laser ,Proyellow Laser หรือ Long Pulsed ND YAG Laser จะช่วยลดรอยแดงได้ดี เพราะรอยแดงเกิดจากหลอดเลือดที่ขยายตัว เลเซอร์ประเภทนี้จะเข้าไปช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัว หรือสลายตัวได้ พร้อมๆ กับกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูสภาพผิวหน้าให้มีความแข็งแรง และผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ

การทำศัลยกรรมผ่าตัด

การรักษารอยสิวด้วยการศัลยกรรมผ่าตัด คือ การรักษารอยหลุมสิวด้วยการผ่าตัด โดยวิธีนี้จะเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจน และมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่อาจมีระยะเวลาในการฟื้นตัวนาน ซึ่งสามารถเลือกเทคนิคที่เหมาะสมกับปัญหาผิวหน้าได้หลายแบบ เช่น

ตัดรอยหลุมสิวแล้วเย็บแผลให้ติดกัน
ยกเนื้อบริเวณหลุมสิวขึ้นมาให้เท่ากับเนื้อผิวปกติ จากนั้นเย็บเนื้อที่ยกให้ติดกับผิวโดยรอบ
กรีดหลุมสิวให้เป็นวงรี ก่อนเย็บแผลให้ติดกัน
ใช้เนื้อบริเวณอื่นมาปิดที่หลุมสิว และเย็บปิดเพื่อให้เกิดการสร้างเนื้อเยื่อมาเติมหลุมสิว จะทำให้ผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ

วิธีการดูแล และป้องกันไม่ให้เกิดรอยสิว

ปัญหารอยสิวเป็นปัญหาใหญ่ เพราะหากปล่อยให้เกิดขึ้นแล้วก็ยากที่จะหาย และอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปกับการรักษาที่สูง ดังนั้น ควรดูแลผิว และป้องกันรอยสิวตั้งแต่เนิ่นๆ โดยมีวิธีการดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการแคะ แกะ หรือบีบสิว

การแคะ แกะ หรือบีบสิว ถือเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดการอักเสบมากยิ่งขึ้น และถ้ามือเรา หรืออุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาด อาจทำให้เกิดการอักเสบของสิวจนทำให้เกิดรอยสิว และหลุมสิวตามมาได้ ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างมาก และควรงดการสครับ ถู ขัดบริเวณที่เป็นสิวอย่างรุนแรง หรือผิดวิธี เพราะถือเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังอักเสบมากกว่าเดิม

2. ทาครีมกันแดดเสมอ

แสงแดด ถือเป็นตัวกระตุ้นทำให้เกิดรอยแดง และรอยดำเพิ่มมากขึ้น การทาครีมกันแดดจะช่วยลดผิวบริเวณรอยสิวที่อาจเกิดเป็นรอยดำได้จากแสงแดด เพราะหากไม่ป้องกันด้วยการทาครีมกันแดด รอยสิวอยู่ก่อนอาจทำการรักษาได้ยากมากขึ้น และอาจไปชะลอกระบวนการฟื้นฟูสภาพผิวหน้าได้ ถ้าจำเป็นต้องออกข้างนอกต้องทาครีมกันแดดทุกครั้ง พร้อมกับใส่เสื้อผ้าที่ปกคลุมบริเวณที่เป็นรอยสิวด้วยยิ่งดี โดยค่า SPF ที่แนะนำสำหรับครีมกันแดด คือ SPF 30 PA++ ขึ้นไป

3. ดื่มน้ำให้มาก และพักผ่อนให้เพียงพอ

น้ำมีประโยชน์มากๆ ทั้งในด้านสุขภาพร่างกาย และสุขภาพผิว เพราะน้ำเป็นองค์ประกอบหลักของร่างกาย การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว เพราะการปล่อยให้ผิวแห้ง อาจทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย และทำให้ผิวหน้าผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ จนอาจทำให้เกิดสิวอุดตันได้ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอก็มีความสำคัญไม่แพ้กับการดื่มน้ำ เพราะการพักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนต่างๆ เมื่อผิวกายดีแล้ว ผิวหน้าก็จะดีตาม

4. รับประทานทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังมีส่วนช่วยให้ผิวสุขภาพดี และห่างไกลสิวอีกด้วย แต่ก่อนอื่นควรทราบถึงอาหารที่ก่อให้เกิดสิว และควรหลีกเลี่ยง คือ อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรือมีการผ่านกระบวนการแปรรูปต่างๆ เช่น น้ำตาลทราย ขนมหวาน ช็อกโกแลต แล้วหันมากินอาหารที่มีส่วนช่วยในการลดสิว หรืออาหารที่มีต่ำ เช่น ธัญพืช ผักสีเขียว ผลไม้ที่มีน้ำตาล และมีไฟเบอร์สูง เช่น แอปเปิ้ล ส้ม เป็นต้น ซึ่งการเลือกรับประทานอาหารที่ดี อาจไม่ได้ทำให้สิวหายแบบรวดเร็ว แต่เป็นวิธีที่ช่วยลดโอกาสในการเกิดสิวทางอ้อม ควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ

5. เพิ่มตัวช่วยด้วยวิตามินบำรุง

การเพิ่มตัวช่วยที่เป็นอาหารเสริม สามารถช่วยบำรุงผิวได้ไวกว่าการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงอย่างเดียว เพราะอาหารเสริม หรือวิตามินบำรุงผิวจะช่วยทดแทนสารอาหารที่ร่างกายไมาสามารถผลิตเองได้ หรือสารอาหารบางอย่างที่ขาดหายไปได้ เช่น วิตามินซี วิตามินบี ฯลฯ

ทำไมต้องรักษารอยสิวกับ Dr. Vii Aesthetic Clinic

ทำไมต้องรักษารอยสิวกับ Dr. Vii Aesthetic Clinic

คลินิกได้มาตรฐานตามกระทรวงสาธารณสุข
ประเมินและทำหัตถการโดยแพทย์ทุกเคส
คุณหมอวิมีความชำนาญและประสบการณ์กว่า 10 ปี
มีบริการสำหรับการรักษารอยสิวได้หลายวิธี เช่น การฉีดฟิลเลอร์ การฉีดเมโสหน้าใส เพิ่มคอลลาเจนให้ผิวเพื่อลดรอยสิว
เทคนิคพิเศษเฉพาะของคุณหมอวิ สำหรับลดรอยสิวโดยเฉพาะ
มีการศึกษาเทคนิคการศัลยกรรมที่ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
รับประกัน 2 ปี ฟรี
มีการเลือกใช้แบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการรับรองจาก อย. และนำเข้าโดยถูกกฏหมาย
มีทีมติดตามอาการและให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง ผ่าน LINE Official Account หลังการผ่าตัด
พร้อมให้คำแนะนำในการเลือกเทคนิคการรักษาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวหน้าของทุกเคสอย่างใส่ใจ
สามารถส่งภาพประเมินได้หลายช่องทาง Our Social Media
ชมรีวิวจริง https://drviiclinic.com/reviews

สรุป

รอยสิวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้เมื่อรักษาสิวได้ไม่ถูกต้อง ส่วนใหญ่มักเกิดจากสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบ ซึ่งเมื่อปล่อยไว้เรื้อรังจนฝังลึกถึงผิวชั้นใน พอสิวหายเลยกลายเป็นรอยสิวทิ้งไว้กวนใจ ซึ่งวิธีรักษาก็มีหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการสครับหน้า การทำทรีตเมนต์ ฉีดฟิลเลอร์ ฉีดเมโสหน้าใส รวมไปถึงการศัลยกรรมผ่าตัด สำหรับคนที่มีปัญหารอยสิว ทาง Dr.Vii Aesthetic Clinic มีบริการรักษารอยสิว รอยดำ รอยแดง โดยแพทย์ผู้ชำนาญและมีประสบการณ์ พร้อมให้คำปรึกษา ออกแบบ วางแผนการรักษาทุกเคส

วิธีรักษารอยสิว ลดรอยสิวเร่งด่วน เผยผิวเรียบเนียนกระจ่างใส